กว่าจะมีวันนี้ “ไอ้ทัศน์” คมชาญ กองทองหรือคนวงการมวยสมัยนี้รู้จักในนาม ยุทธศักดิ์ ล็อค3 กล้าเสียถ้าเป็นมวยก็จิตใจเกินร้อย ยืนหยัดต่อสู้บนล็อคเป็น 10 ปีเป็นที่รู้จักดีของวงการมวยไทย ประวัติการเล่นขาวสะอาดได้เป็นได้เสียเป็นเสียไม่เคยมีปัญหาหรือตุกติกใคร กว่าจะมีวันนี้ หากเอ่ยชื่อ “ไอ้ทัศน์” คมชาญ กองทองคงไม่มีใครรู้จัก

ประวัติ

ยุทธศักดิ์ ล็อค3 เกิดปีวอก พ.ศ. 2511 เมื่อก่อนชื่อจริง สรรทัศ กองทอง มาเปลี่ยนเป็น คมชาญ กองทอง สักประมาณ 10 ปี ชีวิตตอนเด็กต้องต่อสู้ดิ้นรน ตั้งแต่ 8-9 ขวบ หลังจากที่แม่แยกทางเดินกับเตี่ยก็ต้องช่วยเหลือตัวเองแต่เล็กเพราะเตี่ยจนและมีลูกมากตั้ง 5 คน (ผู้ชายทั้งหมด) โรงเรียนปิดเทอมทีก็ต้องหาของขายทั้งพวงมาลัย-พัดมือ-ไอติม-เรียงเบอร์-รวมทั้งชกมวยด้วย แต่ก็ชกแค่ 2 ครั้ง ค่ายมวยก็ยุบ

เรียนหนังสือแค่ ป.4 ขึ้น ป.5 เรียนได้เดือนเศษก็ต้องออกกลางคันเพราะไม่มีเงินค่าหนังสือ ด้วยรู้สึกอายคุณครู-และนักเรียนร่วมชั้นเพราะทุกคนจ่ายค่าหนังสือให้คุณครูแล้ว เหลือเพียง ด.ช. สรรทัศ คนเดียวนัดครูแล้วนัดครอีกก็ยังไม่มีเงินจ่ายเพราะความว่าที่บ้านยากจน ที่จริงผมไม่ได้ตั้งใจจะหนีเรียนก็เดินร้องไห้มาตลอดทางเดินไปโรงเรียน พอดีมีรถเมล์สาย ตะพานหิน – พิจิตร ผ่านมา ด้วยความที่แม่เลิกกับเตี่ยแล้วใช้ชีวิตอยู่ที่ อ. ตะพานหินผมไม่คิดมากและกระโดดขึ้นรถเมล์เลยเพราะอย่างที่บอก

– ไม่มีค่าหนังสือ

หลังจากที่หนีเรียนผมก็อยู่ทั้ง 2 จังหวัด ทั้ง อ.ตะพานหิน และ อ.บึงสามพัน(เพชรบูรณ์) ก็ไปๆมาๆทั้ง 2 จังหวัด หลังจากที่ไม่ได้เรียน ผมก็เหมือนเด็กแก่แดดทั่วไปเล่นเป็นหมด ใหม่ๆก็เล่นโยนเส้น ล้อต๋อก โยนหลุม โต๊ะโก พอต่อมาก็เปิดน้ำเต้า-ปู-ปลา พอเบื่อเล่นเรื่อยๆก็เปลี่ยนเป็นเจ้ามือไฮโลเลย ไฮโลนี่ผมเป็นเจ้าตั้งแต่ 11-12 ขวบ บ่อนก็เคยอยู่เรียกว่าพอมีกระดูกในการเล่น แต่ถ้าเป็นเด็กๆด้วยกันส่วนมากเสร็จผม

แม่ผมคงเห็นว่าถ้าปล่อยไว้อย่างนี้ผมคงไม่มีอนาคตกลัวจะเสียคน ก็เลยให้มาหัดทำทองที่กรุงเทพฯ สมัยนั้นเด็กที่ อ.ตะพานหิน ส่วนมากแล้วจะมาฝึก-หัดเป็นช่างทองกันเยอะมาก เป็นช่างทำทองได้สักปีก็ไม่ไหวเพราะสมัยก่อนพวกช่างทองจำนวนมากทำงานสว่างคาตาเกือบทุกคืน ต้องกินยาม้าเป็นประจำ เมื่อก่อนยาม้าเป็นยาขยันนะ ไม่เหมือนสมัยนี้เขาเรียกยาบ้า แม่กับพี่ชายไปเที่ยวหาผม ถามว่าทำไมผอมจังเลย ก็บอกกับแม่กับพี่ชายไปตามตรงว่ากินม้าแล้วกินข้าวไม่ได้ แม่ตกใจก็เลยให้ออก

– ไม่มีแม่กูแย่แน่ !!

หลังจากนั้นก็มาเป็นลูกจ้างทำงานอีกหลายอย่าง ออกจากที่นั้นก็มาเป็นลูกจ้างขายเสื้อผ้า ขายสร้อยขายแหวนตามตลาดนัดภายใน จ.เพชรบูรณ์มีตลาดนัดที่ไหนไปที่นั่น

พอเริ่มรู้สึกเบื่อกับการขายของก็มาเที่ยวหาแม่ที่ อ.ตะพานหินประมาณปี 2528 แม่ให้ไปตามพี่ชายที่เป็นทหารอยู่ที่ อ.ตาคลี จ. นครสวรรค์ ปลดทหารเกือบ 2 ปีแต่ไม่เคยกลับบ้าน พี่ชายชกมวยให้ค่ายทหารด้วยชื่อทินกร เพชรนภา แถบภาคกลาง-ตาคลี-นครสวรรค์-ชัยนาท-ลพบุรี-สระบุรี พี่ผมถือว่ามีชื่อเสียง ผมติดตามดูพี่ชายชกจนลืมคำสั่งแม่ที่ให้มาตามพี่ชาย จนตอนหลังแม่ต้องมาตามผมอีกคน มีช่วงหนึ่งหัวหน้าค่ายมวยค่ายเพชรนภา พ.อ.อ. วีระศักดิ์ เงินทอง (ยศในขณะนั้น)ได้ชักชวนผมว่าอยากชกมวยไหม?

– ผมตอบตกลงไปอย่างไม่ต้องคิด

เพราะใจนั้นรักชอบอยากจะชกมวยอยู่แล้ว ผมชกหาประสบการณ์อยู่เกือบ 3 ปี ชกประมาณ 30 ครั้ง แพ้ 4 ครั้ง ถือว่าฟอร์มดี จนค่ายมวยเพชรนภายุบตัวลงมีอันต้องล้มเลิกเพราะว่าทาง พ.อ.อ. วีระศักดิ์ เงินทอง ไม่มีเวลาดูแล ปลายปี 2531 พี่ชายผมซึ่งเป็นตำรวจอยู่กองปราบสามยอด ได้พาผมมาฝากค่ายมวย “ชูวัฒนะ” ของอั้งม้อ ชูเจริญ ระวีอร่ามวงศ์ ทางเฮียเทพเทพสตาร์ลูกน้องเฮียม้อซึ่งเป็นผู้ช่วยโปรโมเตอร์ขณะนั้น เอาชื่อลูกชายแกที่ชื่อ “ยุทธศักดิ์” มาตั้งเป็นชื่อมวยผมว่า “ยุทธศักดิ์ ตันศฤงฆาร” และผมเป็นนักมวยคนแรกที่ใช้ค่ายนี้ ตอนหลังก็มี รัตนาน้อย และ บุญเที่ยง บัวหลวงประกันภัย มาใช้สีเสื้อนี้ด้วย
ผมชกครั้งแรกที่ท้องสนามหลวง วันที่ 5 ธ.ค. 31 ตรงกับวันเฉลิมพระชนมพรรษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ผลคือชนะคะแนนลูกยอด ลูกห้วงหิน จากนั้นแววความดังก็มีมาเพียงแค่ปีกว่าๆ ผมก็ทะลุเป็นมวยเงินหมื่น มีชื่อเสียงชกคู่เอก-คู่รองตลอดปะทะกับมวยดีหลายคน โดยเฉพาะปี 2533 ผมไม่เคยแพ้ใคร

ชนะทั้งพิชิต สหการโอสถ, ชนะบูรณ์ไทรน้อย หัวไทรยิมส์, ชนะฟ้าลิขิต-ธนูทอง-เดชฤทธิ์ ส.เพลินจิต, ชนะฟ้าลั่น ลูกพระบาท, ชนะดีหนึ่ง ธ.พัฒนกิจ, ชนะชาติวิชิต นภาพล ปี 34 -35 ก็ขึ้นๆลงๆ ผลัดชนะแพ้ วันวิเศษ แก่นนรสิงห์, ผลัดแพ้ชนะ ชาติวิชิต นภาพล, แพ้เชณ-แสนเก่ง ปิ่นสินชัย,ชนะทองคำ-แพ้ศรราม ส.อุดมศร, แพ้มะละกอ ส.ทศพล, ชนะสร้างหว้าเล็ก ส.ทศพล หรือ ลั่นสยาม นครทองปาร์ควิว, ผลัดชนะแพ้ ชนะศักดิ์-วันเฉลิม-แพ้โรเล็กซ์ แก่นนรสิงห์, ครั้งสุดท้ายแพ้คะแนนพระเอก เกียรติชัยยงค์

ผมรู้สึกอิ่มตัวก็เลยขอเฮียม้อเลิกเมื่อปี 2537 พอเลิกมวยผมก็เข้าสนามขึ้นไปต่อสู้บนล็อค 3 เลย แต่พอปะทะแล้วผมรู้ตัวเลยว่าสู้ไม่ได้เราเป็นรองเขาเยอะ เพราะก็รู้ๆกันอยู่บนล็อคมีแต่ เสือ-สิงห์-กระทิง-แรด เมื่อความรู้สึกว่าสู้ไม่ได้ผมก็ไม่อยากฝืน ผมกลับ อ.บึงสามพันบ้านเกิด

– นั่งคิดนอนคิดหลายวันว่าจะทำอะไรเลี้ยงชีพดี?

ก็พอดีรู้จักกับคนทำลูกชิ้นที่เพชรบูรณ์ เมื่อก่อนเขาเคยอยู่ อ.บึงสามพัน ผมก็ไปหาเขาเลยขอเรียนทำลูกชิ้นซึ่งก็ได้เรียนสมใจ ทำลูกชิ้นประมาณปีกว่าๆ เงินดงเงินเดือนไม่มีหรอกอาศัยฝึกวิชา ถ้าตรงกับเสาร์-อาทิตย์ผมก็ไปหาเล่นมวยตู้ก็พออยู่ได้ พอดีจังหวะเหมาะไปเจอกับพี่เคี้ยงน้องชายทนายต๋อยเขาไปเดินสายเล่นมวยตู้แถวเพชรบูรณ์-หล่มสักก็คุยกันเขาก็แนะนำให้เล่นเพจทนายต๋อย ผมก็ลองเล่นดูก็อยู่ได้แบบสบายๆ เล่นไปเรื่อยๆกระดูกการเล่นก็ดีขึ้น มวยทำได้แต่ราคาไม่ไปเราก็รู้เลยว่าหน้าเสื่อสู้ไม่ได้ ตรงข้ามทำหน่อยราคาต้องไป และส่วนมากจะเป็นแบบนี้จริงๆ ปลายปี2538ผมแต่งงานกับแฟนที่รักชอบกันมาหลายปี ปี39 มาเที่ยวหาพี่ชายที่จังหวัดนครปฐมก็เอาเพจทนายต๋อยไปกินหลายตังค์ ถ้ารายการมวยในกรุงเทพฯ ราชดำเนิน ลุมพินี นัดไหนจัดดีจัดใหญ่ผมก็เข้ามาเล่นในกรุงเทพฯ
ผมมาเที่ยวนี้เหมือนเสือติดปีก ผมเริ่มดูหน้าเสื่อเป็น ดูคนที่เขาเล่นเก่งๆคอยสังเกตุคนไหนเล่นทรงไหน ถ้าหน้าเสื่อไม่สู้ก็เล่นตามเขายิ่งเล่นยิ่งเก่ง ยิ่งเล่นยิ่งพัฒนาดีขึ้นเรื่อยๆ จากเล่นหลักพัน-หลักหมื่น-จนหลักแสน เรียกว่าเกิดจากตมเกิดจากศูนย์ หน้าเสื่อผมดีเล่นไม่เคยค้างไม่เคยติดใครสดๆทั้งนั้นมีแต่คนอยากเล่นกับผม ทุกวันนี้ผมมีพร้อมเกือบหมดทุกอย่าง เงินทุกบาททุกสตางค์หาได้มาจากมวยล้วนๆแต่ถึงจะเล่นมวยแล้วได้ แต่ในใจลึก ๆ ก็อยากมีอาชีพอื่นรองรับ

ต้องยอมรับความจริงสังคมไม่ค่อยจะเปิดรับคนเล่นสักเท่าไร ถึงแม้ว่าเราจะเล่นด้วยความบริสุทธิ์ยืนอยู่ได้ด้วยตัวเอง บางครั้งเรายังรู้สึกอึดอัดกับอาชีพเราเลยมันเหมือนหายใจไม่ทั่วท้อง ยิ่งลูกๆผมนับวันจะโต ผมลืมบอกไปผมมีลูก 3 คน (ผู้ชายทั้งหมด) มีอยู่หลายครั้งที่ลูกชายพูดให้ฟังว่า ครูถามว่าพ่อทำอาชีพอะไร ? ผมก็ถามลูกกลับว่าแล้วลูกบอกว่าพ่อทำอาชีพอะไรล่ะ ?

ลูกยังเล็กไร้เดียงสาก็บอกครูตรง ๆ “เล่นมวย” บางครั้งแม้เราจะไม่เคยขอใครกินแต่เรารู้สึกแคร์สังคม รู้สึกแคร์คนรอบข้าง ผมรู้สึกสงสารลูกเมียนะที่อาชีพผมไม่เหมือนคนอื่น ก็พยายามจะหาอาชีพอื่นรองรับ เราคนเล่นจะทำอะไรดีนะที่เราถนัดและเรามั่นใจว่าเราทำได้ ผมเป็นคนละเอียดจะทำอะไรจะคิดและวางแผนให้ดีก่อนทำเสมอ 6 -7 ปี ที่ผ่านมาธุรกิจมวยหูหรือฮัลโหลกำลังเฟื่องฟู

มีเซียนมวยหลายคนโดดลงมาทำเอง คนไหนมีชื่อเสียงความเชื่อถือดี ก็จะได้เปรียบนักพากย์คนอื่น ปลายปี 2548 พี่บักโจ้ โคราช รู้สึกจะป่วย (เจ็บหน้าอก) ผมคนหนึ่งที่ฟังหูแกก็ไม่รู้จะไปฟังหูใคร นั่งคิดนอนคิดฟังแต่คนอื่นพากย์ให้เล่น
-เราลองพากย์ให้คนอื่นเล่นบ้างจะดีมั้ย?

บนล็อคเรายังสู้เขาได้สบายๆ และถ้าเราพากย์ให้เขาเล่นก็น่าจะสู้หูอื่นได้ เมื่อคิดแล้วผมก็ลองทำดู ผมเริ่มพากย์ให้พี่ชายผมกับเพื่อนเล่น 3 – 4 เดือน ดูซิว่าสู้เขาได้หรือเปล่า เมื่อรู้ว่าสู้ได้ผมก็เริ่มทำเต็มตัว เมื่อต้นปี 49 มีสมาชิกหรือลูกค้าสมัครเข้ามามากพอสมควร คนที่เล่นมวยหูฮัลโหลหรือมวยตู้ ส่วนมากแล้วจะมีกระดูกการเล่นอยู่แล้ว เราส่งราคาอย่างไร กลางอากาศเราพากย์อย่างไร ลูกค้าเราสวนกับหูอื่นสู้เขาได้ไหม สำคัญที่สุดคือ ราคาเราต้องรวดเร็ว เเม่นยำ เชื่อถือได้ จะได้จะเสียอยู่ที่คนพากย์ 60 -70% แต่คนเล่นหรือสมาชิกต้องมีกระดูก มีลูกพลิกแพลงจังหวะไหนน่าเข้า น่าต่อ น่ารอง อยู่ที่ไหวพริบของแต่ละคน แต่ถ้าลูกค้าหรือสมาชิกไม่มีกระดูกในการเล่น ดูมวยไม่เป็นเลย จังหวะเข้าเป็นรอง ต่อให้คนอื่นพากย์เก่งอย่างไรหรือให้เล่นหูเทวดา ก็สู้เค้าไม่ได้ เล่นมวยหูผมถ้าเล่นไว มีออกตัว มีวัด มีซื้อขายรับรองอยู่ได้สบายๆแน่นอน ราคาผมพากย์แม่นเป็นราคาจริงในสนามแน่นอน ขอให้เชื่อใจ ผมชกมวยไม่เคยล้ม มาเป็นเซียนมวยก็ไม่เคยทำมวยล้ม ไม่เคยทำให้วงการมวยเสื่อมเสียชื่อเสียง หรือมัวหมองในทางที่ไม่ดี หากินด้วยความสุจริต ด้วยความสามารถของตัวเอง ผมถึงมีวันนี้ . . . . จากใจ ยุทธศักดิ์ ตันสถฤงฆาร

---

ติดตามข่าวสารทุกวงการมวยได้ที่ muaythai-online.com

แทงมวยออนไลน์ ราคาน้ำดีที่สุดในประเทศไทย